มะละกาและจอร์จทาวน์
![]() |
ที่มา: http://4.bp.blogspot.com/-0OT2-AJLheU/U991ZGq6P |
มะละกา (มลายู: Melaka; ยาวี: ملاك; อังกฤษ: Malacca) เป็นรัฐทางตอนใต้ในประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบมะละกา ตรงข้ามกับเกาะสุมาตรา
รัฐมะละกาเป็นหนึ่งในสองรัฐของมาเลเซียที่ไม่มีเจ้าผู้ครองรัฐเป็นประมุขแต่มีผู้ว่าราชการรัฐแทน
ในอดีต
มะละกาเป็นเมืองศูนย์กลางทางการค้าระหว่างตะวันออกและตะวันตกบนช่องแคบมะละกามากว่า
500 ปี มีลักษณะของสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างศิลปกรรมโปรตุเกส ดัตช์
และมลายู ได้รับการยกย่องให้เป็นนครประวัติศาสตร์บนช่องแคบมะละกาจากองค์การยูเนสโก ด้านการค้าขายและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างตะวันออกกับตะวันตกบนช่อง
แคบมะละกา อิทธิพลของเอเชียและยุโรปได้ผสมผสานทางวัฒนธรรม ตึกที่ทำการของรัฐบาล
โบสถ์ จตุรัส และป้อมปราการต่าง ๆ ทำให้เห็นภาพมะละกาในยุคต้นของประวัติศาสตร์
ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากรัฐสุลต่านมาเลย์ ในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๕ (พุทธศตวรรษที่ ๒๐)
![]() |
ที่มา: http://www.sadoodta.com/files/files/picfront/Melaka.jpeg |
ความสำคัญ
เมืองมะละกาเป็นเมืองท่าสำคัญบนช่องแคบมะละกาซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญโดยเฉพาะในคริสต์ศตวรรษที่
15 ที่มะละการุ่งเรืองมาก
นั่นจึงเป็นเหตุให้เมืองนี้เป็นที่หมายปองของบรรดาจักรวรรดินิยม
จนในที่สุดโปรตุเกสได้เดินทางเข้ามายึดครองในปี พ.ศ. 2054-2184 ก่อนที่จะถูกดัตช์ (ฮอลแลนด์) เข้ามาครอบครองต่อในปี พ.ศ. 2184-2338
ก่อนที่จะเปลี่ยนมือผู้ปกครองมาเป็นอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2338-2484
แล้วญี่ปุ่นก็เข้ามายึดต่ออีกทีในช่วงสั้น ๆ ระหว่าง พ.ศ.2484-2488
จากนั้นมะละกากลับไปอยู่ใต้อาณานิคมของอังกฤษอีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2488-2500
มาเลเซียปลดแอกเป็นไทด้วยการประกาศอิสรภาพ ในปี พ.ศ. 2500
สถานที่ประกาศเอกราชคือ มะละกา
ซึ่งในปัจจุบันตึกอนุสรณ์ในประกาศอิสรภาพยังคงตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่ในมะละกา
![]() |
ที่มา: http://www2.manager.co.th/asp-bin/Image.aspx?ID=1013670 |
มะละกา
เป็นเมืองวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยร่องรอยของประวัติศาสตร์สำคัญของมาเลเซีย
จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ นครแห่งประวัติศาสตร์
ของชนขาติมาเลเซีย”สถานที่สำคัญของมะละกา คือ
บริเวณจตุรัสแดง บนถนน Lak sa ma na หรือที่เรียกว่า
จัตุรัสดัตช์
เนื่องจากที่นี่เคยเป็นศูนย์กลางชุมชนดัตช์ในสมัยที่เข้ามาปกครองมลายู
ซึ่งแวดล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกอันสวยงาม มีใจกลางจัตุรัส
เป็นลานน้ำพุเก่าแก่แบบอังกฤษที่สร้างถวายแด่ราชินีวิคตอเรียในปี พ.ศ. 2447
และมีสถาปัตยกรรมแบบดัตช์สีแดงโดดเด่น ประกอบไปด้วย โบสถ์คริสต์
ศิลปกรรมดัตช์ประยุกต์ ทีสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2296 และอาคารสตัดธิวท์
(Stadhuys) ที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2193 เป็นอาคารดัตช์เก่าแก่ที่สุดในมาเลเซีย
ปัจจุบันอาคารสตัดธิวท์กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ทางประวัติศาสตร์
โบราณคดีและวรรณคดีที่น่าสนใจยิ่งของมะละกา
![]() |
ที่มา: https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thu |
อ้างอิง
บันทึกความรู้เกี่ยวกับอาเซียน. แหล่งที่มา http://aseannotes.blogspot.com/2014/08/1_4.html
ผู้จัดการออนไลน์.“มะละกา เมืองมรดกโลกใหม่ในสายธารประวัติศาสตร์” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มาhttp://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000085737 (21 กรกฎาคม 2557)
วิกิพิเดีย สารานุกรมเสรี. มูลนิธิวิกิพิเดีย. “รัฐมะละกา” [ระบบออนไลน์].
แหล่งที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/รัฐมะละกา (21 กรกฎาคม 2557)
MalaysiaFanclub.“สะพายกล้องชมความงาม มะละกา เมืองมรดกโลก” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มาhttp://www.malaysiafanclub.com/index.php?topic=192.0 (25 March 2014).
วิกิพิเดีย สารานุกรมเสรี. มูลนิธิวิกิพิเดีย. “รัฐมะละกา” [ระบบออนไลน์].
แหล่งที่มา http://th.wikipedia.org/wiki/รัฐมะละกา (21 กรกฎาคม 2557)
MalaysiaFanclub.“สะพายกล้องชมความงาม มะละกา เมืองมรดกโลก” [ระบบออนไลน์]. แหล่งที่มาhttp://www.malaysiafanclub.com/index.php?topic=192.0 (25 March 2014).
จัดทำโดย
นางสาวสุนันทา ภูถมศรี
วันที่
24 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น